การพัฒนาบุคลากรและองค์กร
การพัฒนาบุคลากรและองค์กร
ความท้าทาย ความเสี่ยง
และผลกระทบ
ในรอบปีที่ผ่านมา กลุ่มไทยออยล์เผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ตั้งแต่การแข่งขันทางเศรษฐกิจ ทิศทางและนโยบายทางสิ่งแวดล้อม สังคม และความยั่งยืน รวมถึงการเปลี่ยนแปลงทางด้านดิจิทัลและเทคโนโลยี ประกอบกับกลยุทธ์ทางธุรกิจ 3 ด้าน (3Vs) ขององค์กรที่มุ่งเน้นการขยายตัวทางธุรกิจทั้งภายในและต่างประเทศ ล้วนแล้วแต่เป็นความท้าทายที่ทำให้องค์กรต้องเตรียมพร้อมทั้งด้านโครงสร้างองค์กรและกำลังพล ด้านศักยภาพของพนักงาน และรูปแบบการทำงาน เพื่อให้พนักงานมีทัศนคติ พฤติกรรม ตลอดจนสมรรถนะที่สามารถรับมือกับความท้าทาย และขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจทั้งในปัจจุบันและอนาคตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
นอกจากนี้ กลุ่มไทยออยล์ยังตระหนักถึงความหลากหลายของพนักงาน ไม่ว่าจะเป็น เพศ อายุ สถานที่ทำงาน ด้วยการกำหนดกลยุทธ์และแผนดำเนินงานด้านบุคลากรและองค์กรที่คำนึงถึงความหลากหลาย เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของพนักงานอย่างครอบคลุม ทั่วถึงและเท่าเทียมกัน
ความมุ่งมั่น และเป้าหมาย
- ด้านกำลังพล (People Capacity)
บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการวางแผนอัตรากำลังพลที่สอดรับกับแผนกลยุทธ์หลัก 3 ด้าน พร้อมทั้งเร่งสรรหาพนักงานเพื่อเติมเต็มกำลังพลตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ตลอดจนจัดทำโครงสร้างองค์กร นโยบายและระบบการบริหารบุคลากรที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ เพื่อก้าวสู่การเป็นองค์กรที่ยั่งยืน - ด้านศักยภาพขององค์กรและบุคลากร (People Capability) บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถเพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ที่กำหนดไว้ โดยเร่งพัฒนากลุ่มพนักงานให้มีความรู้ และประสบการณ์ด้านการพัฒนาธุรกิจใหม่ในต่างประเทศ ควบคู่กับการพัฒนาพนักงานในมิติต่างๆ อาทิ ด้านนวัตกรรม ด้านการเสริมสร้างศักยภาพผู้นำสำหรับอนาคต เพื่อสนับสนุนการเติบโตขององค์กรอย่างยั่งยืน พร้อมกันนี้ ยังนำเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence) มาประยุกต์ใช้ เพื่อให้การพัฒนาพนักงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- ด้านประสบการณ์ที่ดีในการทำงาน (People Way of Work)บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการดูแลพนักงานอย่างต่อเนื่อง โดยบูรณาการหลักการ DEI (Diversity, Equity and Inclusion) ร่วมกับวิถีการทำงาน เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมและส่งเสริมให้เกิดการทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น ตลอดจนมุ่งมั่นยกระดับความผูกพันของพนักงาน และสร้างสมดุลชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างความสุขให้กับพนักงานอย่างยั่งยืน
เป้าหมาย
การวางแผนอัตรากำลังพล: ระดับความสามารถในการแข่งขันด้านกำลังพลเมื่อเทียบเคียงกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน
เป้าหมายปี 2567
1st Quartile
ควอร์ไทล์
เป้าหมายระยะยาวปี 2573
1st Quartile
ควอร์ไทล์
การพัฒนาศักยภาพบุคลากร: ระดับความพร้อมของพนักงาน ด้านสมรรถนะหลัก
เป้าหมายปี 2567
94
ร้อยละ
เป้าหมายระยะยาวปี 2573
94
ร้อยละ
การเสริมสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับบุคลากร: คะแนนความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กร
เป้าหมายปี 2567
94
ร้อยละ
เป้าหมายระยะยาวปี 2573
95
ร้อยละ
ดัชนีชี้วัดประสิทธิภาพบุคลากร (Human Capital Index: HCI)
เป้าหมายปี 2567
85
คะแนน
เป้าหมายระยะยาวปี 2573
90
คะแนน
แนวทางการบริหารจัดการ
และผลการดำเนินงาน
กลุ่มไทยออยล์วิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในและภายนอกองค์กร เพื่อระบุความท้าทาย ความเสี่ยง ผลกระทบตลอดจนความต้องการด้านบุคลากรและองค์กร พร้อมทั้งจัดทำแผนกลยุทธ์ทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อช่วยขับเคลื่อนกลยุทธ์ขององค์กรไปสู่เป้าหมายอย่างยั่งยืน โดยในปี 2566 มีผลการดำเนินงานที่สำคัญ ดังนี้
(People Capability)
(People Way of Work)
ด้านกำลังพล
(People Capacity)
กลุ่มไทยออยล์ให้ความสำคัญกับการวางแผนอัตรากำลังพลเชิงกลยุทธ์ (Strategic Workforce Planning) ที่สอดรับกับกลยุทธ์และทิศทางขององค์กร พร้อมทั้งรักษาระดับความสามารถในการแข่งขันด้านกำลังพลเมื่อเทียบเคียงกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน รวมถึงสรรหาและคัดเลือกบุคลากรเชิงรุก ผ่านกลยุทธ์ที่เรียกว่า “TOP Talent Recruitment” โดยยกระดับการดำเนินงาน 3 ด้าน คือ
1. TOP Employer Brand กำหนด Employer Value Proposition (EVP) พร้อมทั้งสื่อสารไปยังผู้สมัครกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงภาพลักษณ์ขององค์กรและดึงดูดให้ผู้สมัครให้เข้ามาร่วมงานกับกลุ่มไทยออยล์
2. Optimizing Process ปรับปรุงกระบวนการ พร้อมทั้งนำระบบเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในกระบวนการสรรหาและคัดเลือกให้กระชับและรวดเร็วขึ้น พร้อมทั้งแสวงหาวิธีการใหม่เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างทั่วถึง
3. Partnership Management แสวงหาพันธมิตรพร้อมทั้งกำหนดแนวทางความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้กระบวนการสรรหาและคัดเลือกมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ปี 2567
ผลการดำเนินงาน
ด้านศักยภาพองค์กรและบุคลากร
(People Capability)
โปรแกรมการพัฒนาศักยภาพบุคลากรปี 2567
1. การพัฒนาสมรรถนะหลัก (Core Competency) การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digitalization)
วิธีการพัฒนา
วัตถุประสงค์และผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นต่อองค์กรจากหลักสูตร
ผลกระทบเชิงปริมาณที่เกิดขึ้นต่อองค์กรจากหลักสูตร (ROI %)
374%
ร้อยละของพนักงานที่เข้าร่วมหลักสูตรต่อ FTE(1)
ร้อยละ 9.63
2. การพัฒนาความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน (Expert Development Enhancement)
วิธีการพัฒนา
วัตถุประสงค์และผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นต่อองค์กรจากหลักสูตร
ผลกระทบเชิงปริมาณที่เกิดขึ้นต่อองค์กรจากหลักสูตร (ROI %)
386%
ร้อยละของพนักงานที่เข้าร่วมหลักสูตรต่อ FTE(1)
ร้อยละ 3.76
3. การพัฒนาความพร้อมเพื่อธุรกิจใหม่ (Business Explorer Development for Growth)
วิธีการพัฒนา
วัตถุประสงค์และผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นต่อองค์กรจากหลักสูตร
ผลกระทบเชิงปริมาณที่เกิดขึ้นต่อองค์กรจากหลักสูตร (ROI %)
371%
ร้อยละของพนักงานที่เข้าร่วมหลักสูตรต่อ FTE(1)
ร้อยละ 2.91
หมายเหตุ:
(1) FTE หรือ Full Time Equivalent หมายถึง จำนวนชั่วโมงการทำงานของพนักงานเต็มเวลาต่อคนต่อปี
กลุ่มไทยออยล์ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพผู้นำอย่างต่อเนื่อง
เพราะผู้นำเป็นกลไกสำคัญของการขับเคลื่อนองค์กรและทีมงาน โดยมุ่งเน้นการสร้างความพร้อมให้ผู้นำสามารถรับมือการเปลี่ยนแปลง และบริหารทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้สภาวะการณ์ที่ไม่แน่นอนและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
โปรแกรมการพัฒนาศักยภาพผู้นำปี 2567
Management Outing Workshop (Inclusive Leadership)
วัตถุประสงค์
กลุ่มเป้าหมาย
ผู้จัดการฝ่ายขึ้นไป
ผลกระทบเชิงปริมาณที่เกิดขึ้นต่อองค์กรจากหลักสูตร
297
Engagement and Change Management Workshop
วัตถุประสงค์
การพัฒนาทักษะเชิงบูรณาการด้านการบริหารจัดการ การเปลี่ยนแปลงอย่างมีประสิทธิภาพ และการสร้างความผูกพันของพนักงาน โดยทบทวนทักษะดังกล่าว
เข้ากับการแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้เชี่ยวชาญ และ Case Study จากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริง รวมถึงการฝึกปฏิบัติ เพื่อให้ผู้จัดการแผนก (Section Manager) สามารถนำไปประยุกต์ใช้การบริหารจัดการพนักงาน เพื่อบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงอย่างเหมาะสมและมีส่วนในการสร้างความเข้าใจ ความสุข ความผูกพันให้กับพนักงานต่อบริษัทฯ
กลุ่มเป้าหมาย
ผลกระทบเชิงปริมาณที่เกิดขึ้นต่อองค์กรจากหลักสูตร
186
ผลจากการพัฒนาศักยภาพพนักงานอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ในปี 2567 พนักงานได้รับการพัฒนาเฉลี่ย 361ชั่วโมงต่อคนต่อปี ภายใต้การลงทุนรวม 369 ล้านบาท เพื่อให้พร้อมรับกับการขยายตัวทางธุรกิจ และสามารถรับมือกับความท้าทายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
กลุ่มไทยออยล์ได้เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาสายอาชีพ (Career and Development) โดยจัดทำแผนพัฒนาสายอาชีพสำหรับกลุ่มงานเฉพาะทาง ได้แก่ ผู้ชำนาญการ (Subject Matter Expert) ผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิค (Expert) และผู้ขับเคลื่อนธุรกิจใหม่ (Explorer) เพื่อพัฒนาให้พนักงานมีความรู้ความสามารถตลอดจนประสบการณ์ที่สามารถเติบโตตามสายอาชีพของตนเองอย่างมั่นคง
นอกจากนี้ กลุ่มไทยออยล์ตระหนักถึงการเตรียมความพร้อมขององค์กรเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยการขับเคลื่อนสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้ (Learning Organization) เพื่อกระตุ้นให้พนักงานเกิดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนนำความรู้ไปต่อยอดและสร้างสรรค์เป็นนวัตกรรมที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ โดยกลุ่มไทยออยล์กำหนด “5 มิติของการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้” ดังนี้
ภายใต้แผนแม่บทการสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ กลุ่มไทยออยล์ส่งเสริมให้พนักงานมีพฤติกรรมส่งเสริมการสร้างวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้ (LEARN Behavior) ผ่านพฤติกรรม I-LEAD “เรียน ลอง คล่อง กล้า” พร้อมทั้งมีคณะกรรมการและคณะผู้ดำเนินงานการบริหารจัดการองค์กรแห่งการเรียนรู้ โดยมี CEO เป็นประธานและผู้บริหารระดับสูงเป็นคณะกรรมการ เพื่อกำหนดนโยบาย (Learning Organization Policy) ทิศทางการบริหารจัดการองค์กรแห่งการเรียนรู้ของกลุ่มไทยออยล์ เพื่อผลักดันให้กลุ่มไทยออยล์เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดตัวแทนหน่วยงาน (LO Inspirer) ในการขับเคลื่อนและส่งเสริมการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การจัดเก็บและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ที่สำคัญอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ
ปี 2567
ผลการดำเนินงาน
หมายเหตุ:
1. ระดับ Optimized หมายถึง บริษัทมีการเรียนรู้เป็นแกนหลักของกลยุทธ์และวัฒนธรรมของบริษัท โดยมีการดำเนินการในทุกมิติที่เกี่ยวกับการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี
2. FTE หรือ Full Time Equivalent หมายถึง จำนวนชั่วโมงการทำงานของพนักงานเต็มเวลาต่อคนต่อปี
ด้านประสบการณ์ที่ดีในการทำงาน
(People Way of Work)
กลุ่มไทยออยล์ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตและสุขภาวะความเป็นอยู่ของพนักงานทุกคนเพราะเชื่อว่า พนักงานเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนธุรกิจขององค์กร โดยจัดให้มีโครงการและกิจกรรมต่างๆ ทั้งในระดับองค์กรและระดับฝ่ายงานตลอดทั้งปีอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมความสุขและความผูกพันของพนักงานภายใต้กรอบแนวคิด PEOPLE Model ในการตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของพนักงานในแต่ละมิติ ซึ่งจะนำไปสู่ความสุขที่ยั่งยืนของพนักงานกลุ่มไทยออยล์
ปี 2567
ผลการดำเนินงาน
ด้านกำลังพล (People Capacity)
กลุ่มไทยออยล์ให้ความสำคัญกับการวางแผนอัตรากำลังพลเชิงกลยุทธ์ (Strategic Workforce Planning) ที่สอดรับกับกลยุทธ์และทิศทางขององค์กร พร้อมทั้งรักษาระดับความสามารถในการแข่งขันด้านกำลังพลเมื่อเทียบเคียงกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน รวมถึงสรรหาและคัดเลือกบุคลากรเชิงรุก ผ่านกลยุทธ์ที่เรียกว่า “TOP Talent Recruitment” โดยยกระดับการดำเนินงาน 3 ด้าน คือ
- TOP Employer Brand
กำหนด Employer Value Proposition (EVP) พร้อมทั้งสื่อสารไปยังผู้สมัครกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงภาพลักษณ์ขององค์กรและดึงดูดให้ผู้สมัครให้เข้ามาร่วมงานกับกลุ่มไทยออยล์
- Optimizing Process
ปรับปรุงกระบวนการ พร้อมทั้งนำระบบเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในกระบวนการสรรหาและคัดเลือกให้กระชับและรวดเร็วขึ้น พร้อมทั้งแสวงหาวิธีการใหม่เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างทั่วถึง
- Partnership Management
แสวงหาพันธมิตรพร้อมทั้งกำหนดแนวทางความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้กระบวนการสรรหาและคัดเลือกมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ผลการดำเนินงานด้านการวางแผนอัตรากำลังพลเชิงกลยุทธ์และการสรรหาบุคลากร ปี 2567 | ||
|---|---|---|
ทุนทางทรัพยากรมนุษย์ | • ความสามารถในการสรรหาพนักงานใหม่อยู่ที่ร้อยละ 101 • ระดับความสามารถในการแข่งขันด้านกำลังพล (Workforce Productivity) เมื่อเทียบเคียงกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน อยู่ในระดับ 1st Quartile • พนักงานใหม่ จำนวน 176 คน • อัตราการสรรหาพนักงานภายในองค์กร (Internal Hires) อยู่ที่ร้อยละ 97.67 | |
ทุนทางสังคมและความสัมพันธ์ | • มอบทุนการศึกษาแก่นักเรียน นิสิต นักศึกษา จำนวน 105 คน จาก 32 สถาบันการศึกษา • ให้โอกาสในการฝึกงานแก่นักเรียน นิสิต นักศึกษา จำนวน 118 คน จาก 32 สถาบันการศึกษา • ให้ความรู้และแนะแนวอาชีพกับนักศึกษาทั่วประเทศ จำนวน 70 สถาบันการศึกษา s | |
ด้านศักยภาพองค์กรและบุคลากร (People Capability)
การพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่องถือเป็นเรื่องที่กลุ่มไทยออยล์ให้ความสำคัญ เพื่อให้พนักงานมีความรู้ ความสามารถและพร้อมรับมือกับความท้าทายต่างๆ ในยุคที่ธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมทั้งมีความพร้อมสำหรับขับเคลื่อนกลยุทธ์หลัก3 ด้านขององค์กร อีกทั้งยังคงมุ่งเน้นที่จะต่อยอดการพัฒนา โดยเปิดโอกาสให้พนักงานเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่องผ่าน Thaioil Academy ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการเรียนรู้ดิจิทัล ที่พนักงานสามารถเข้าไปเรียนรู้ด้วยตนเองได้ทุกที่ทุกเวลา ซึ่งพนักงานสามารถเลือกพัฒนาในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน หรือหัวข้อตามความสนใจของตนเอง ทำให้พนักงานมีความรู้ ทักษะและความสามารถที่หลากหลายสำหรับการขับเคลื่อนธุรกิจในอนาคต รวมทั้งสนับสนุนให้พนักงานถ่ายทอดความรู้ของตนเอง และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันผ่านแพลตฟอร์มดังกล่าว
นอกจากนี้ กลุ่มไทยออยล์มุ่งมั่นพัฒนาสมรรถนะ ความรู้ ความสามารถให้กับพนักงาน เพื่อให้มีความพร้อมในการขับเคลื่อนเป้าหมายทางธุรกิจ ซึ่งเป็นการพัฒนาโดยมุ่งเน้นให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้และการลงมือปฏิบัติจริงตามหลักการ 70-20-10 เพื่อให้พนักงานมีความรู้และความเข้าใจเชิงลึก สามารถปฏิบัติงาน และสร้างผลงานที่เป็นเลิศ นำไปสู่การสร้างมูลค่าทางธุรกิจและผลประโยชน์ให้กับองค์กรอย่างยั่งยืน
โปรแกรมการพัฒนาศักยภาพบุคลากรปี 2567
หลักสูตร | วิธีการพัฒนา | วัตถุประสงค์และผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นต่อองค์กรจากหลักสูตร | ผลกระทบเชิงปริมาณที่เกิดขึ้นต่อองค์กรจากหลักสูตร (ROI%) | ร้อยละของพนักงานที่เข้าร่วมหลักสูตรต่อ FTE(1) | |
|---|---|---|---|---|---|
1. Core Competency 1.1 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digitalization) | การฝึกอบรม การแลกเปลี่ยนความรู้จากผู้เชี่ยวชาญ ร่วมกับการลงมือปฏิบัติจริง | การพัฒนาพนักงานให้มีความรู้และความเชี่ยวชาญในเรื่องของดิจิทัล ผ่านการเรียนรู้เกี่ยวกับ Data Analytics, Data Science, Cyber Security และ Digital Tools ต่างๆ เช่น Power BI, AI, UX/UI หรือ Sap iRPA เป็นต้น ให้กับพนักงาน รวมทั้งการสร้าง Digital Behaviour ให้กับพนักงานผ่านการเปิดโอกาสให้พนักงานเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ตลอดจนสามารถยกระดับมาตรฐานการทำงานโดยนำแนวคิดทางดิจิทัลที่ได้มาพัฒนาต่อยอดสร้างเป็นผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น และสร้าง Productivity ที่สูงขึ้นในการทำงานได้ | 374 | 9.63 | |
2. การพัฒนาความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน (Expert Development Enhancement) | การแลกเปลี่ยนความรู้จากผู้เชี่ยวชาญ ร่วมกับการลงมือปฏิบัติจริงผ่านการทำโครงการและการปฏิบัติงานตามที่ได้รับมอบหมาย | การเสริมสร้างความเชี่ยวชาญเชิงลึกในองค์ความรู้ที่สำคัญให้กับพนักงาน ผ่านโปรแกรมการพัฒนาต่างๆ เช่น HDS Catalyst Workshop, EDS Reliability Improvement Project, Process Capability Study และ Furnace Modelling Project เป็นต้น เพื่อให้พนักงานสามารถนำความรู้ที่ได้รับจากการพัฒนาไปต่อยอดร่วมกับประสบการณ์การทำงาน สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กร รองรับการเติบโตของธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมทั้งยังเป็นการรักษาองค์ความรู้ที่สำคัญไว้กับองค์กร เพื่อรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันในระยะยาว | 386 | 3.76 | |
3.การพัฒนาความพร้อมเพื่อธุรกิจใหม่ (Business Explorer Development for Growth) | การฝึกอบรม การเรียนรู้ผ่าน การจำลองสถานการณ์ทางธุรกิจ (Business Simulation)
การแลกเปลี่ยนความรู้จากผู้เชี่ยวชาญ ร่วมกับการลงมือปฏิบัติงานจริงผ่านการทำ Project | การพัฒนาพนักงานให้มีความรู้ ทักษะ และความสามารถเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับธุรกิจ โดยการแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ที่ตอบโจทย์กลยุทธ์หลักทั้ง 3 ด้านของกลุ่มไทยออยล์ ผ่านการลงมือทำใน 4 Projects ที่สนับสนุนโอกาสในการสร้างธุรกิจใหม่ ตลอดจนสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจและขับเคลื่อนองค์กรสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน | 371 | 2.91 | |
หมายเหตุ:
(1) FTE หรือ Full Time Equivalent หมายถึง จำนวนชั่วโมงการทำงานของพนักงานเต็มเวลาต่อคนต่อปี
กลุ่มไทยออยล์ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพผู้นำอย่างต่อเนื่อง เพราะผู้นำเป็นกลไกสำคัญของการขับเคลื่อนองค์กรและทีมงาน โดยมุ่งเน้นการสร้างความพร้อมให้ผู้นำสามารถรับมือการเปลี่ยนแปลง และบริหารทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้สภาวะการณ์ที่ไม่แน่นอนและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
โปรแกรมการพัฒนาศักยภาพผู้นำปี 2567
หลักสูตร | วัตถุประสงค์ | กลุ่มเป้าหมาย | ผลกระทบเชิงปริมาณที่เกิดขึ้นต่อองค์กรจากหลักสูตร (ROI %) |
|---|---|---|---|
Management Outing Workshop (Inclusive Leadership) | พัฒนาทักษะการเป็นผู้นำผ่านแนวคิดและพฤติกรรมหลักของการเป็น Inclusive Leadership ที่มุ่งเน้นการเข้าใจผู้อื่น เน้นทักษะการรับฟัง การสร้าง Trust ตลอดจนเพิ่มเติมทักษะการเป็นผู้นำแบบ Invisible Leaders ซึ่งเป็นผู้นำที่มีส่วนร่วมกับทีมอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถนำทีมด้วยความเข้าใจ รวมทั้งต้องเป็นผู้นำที่เป็นพลังเสริมให้กับทีมคอยสนับสนุนและช่วยให้ทีมมีความผูกพันที่สูงขึ้นและมี Productivity ในการทำงานที่ดีขึ้น | ผู้จัดการฝ่ายขึ้นไป | 297 |
Engagement and Change Management Workshop | การพัฒนาทักษะเชิงบูรณาการด้านการบริหารจัดการ การเปลี่ยนแปลงอย่างมีประสิทธิภาพ และการสร้างความผูกพันของพนักงาน โดยทบทวนทักษะดังกล่าว
เข้ากับการแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้เชี่ยวชาญ และ Case Study จากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริง รวมถึงการฝึกปฏิบัติ เพื่อให้ผู้จัดการแผนก (Section Manager) สามารถนำไปประยุกต์ใช้การบริหารจัดการพนักงาน เพื่อบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงอย่างเหมาะสมและมีส่วนในการสร้างความเข้าใจ ความสุข ความผูกพันให้กับพนักงานต่อบริษัทฯ | ผู้จัดการแผนก | 186 |
ผลจากการพัฒนาศักยภาพพนักงานอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ในปี 2567 พนักงานได้รับการพัฒนาเฉลี่ย 361ชั่วโมงต่อคนต่อปี ภายใต้การลงทุนรวม 369 ล้านบาท เพื่อให้พร้อมรับกับการขยายตัวทางธุรกิจ และสามารถรับมือกับความท้าทายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
กลุ่มไทยออยล์ได้เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาสายอาชีพ (Career and Development) โดยจัดทำแผนพัฒนาสายอาชีพสำหรับกลุ่มงานเฉพาะทาง ได้แก่ ผู้ชำนาญการ (Subject Matter Expert) ผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิค (Expert) และผู้ขับเคลื่อนธุรกิจใหม่ (Explorer) เพื่อพัฒนาให้พนักงานมีความรู้ความสามารถตลอดจนประสบการณ์ที่สามารถเติบโตตามสายอาชีพของตนเองอย่างมั่นคง
นอกจากนี้ กลุ่มไทยออยล์ตระหนักถึงการเตรียมความพร้อมขององค์กรเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยการขับเคลื่อนสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้ (Learning Organization) เพื่อกระตุ้นให้พนักงานเกิดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนนำความรู้ไปต่อยอดและสร้างสรรค์เป็นนวัตกรรมที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ โดยกลุ่มไทยออยล์กำหนด “5 มิติของการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้” ดังนี้
5 มิติของการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ | ||||
|---|---|---|---|---|
Goal & Strategy | Organization Transformation | Strategic Knowledge Management | People Dynamic Learning | Learning Ecosystem |
เป้าหมายและกลยุทธ์ในการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ที่ชัดเจนและสอดคล้องกับกลยุทธ์ทางธุรกิจ | นโยบาย โครงสร้างองค์กร บทบาทหน้าที่ และกระบวนการทำงานที่เอื้อต่อการเรียนรู้ | ระบบและกระบวนการจัดการความรู้ที่มีประสิทธิภาพ | วัฒนธรรมการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ | เทคโนโลยีและแพลตฟอร์มการเรียนรู้ที่เอื้อให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้ |
Key Activities | ||||
จัดทำแผนกลยุทธ์ของ LO และแผนแม่บท
(LO Roadmap)
เพื่อเป็นการวางแผนการดำเนินงานในแต่ละระยะของการสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ
| มีการจัดทำนโยบาย
(TOP LO Policy) และกำหนดตัวแทนหน่วยงาน (LO Inspirer) รวมถึงผู้ดูแลความรู้ของหน่วยงาน (Knowledge Owner)
| มุ่งเน้นการทำ Critical Knowledge Capture และการ Sharing รวมทั้งเปิดโอกาสให้พนักงานสร้างสรรค์ E-Learning ผ่านโครงการ KM E-Learning Creation Award | ส่งเสริมให้พนักงานมีพฤติกรรมส่งเสริมการสร้างวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้ (LEAD Behavior) และ
มีกิจกรรมเพื่อขับเคลื่อน LO เช่น Corporate
Lunch & Learn และ
LO Learning Challenge
| มีการพัฒนาและยกระดับ ระบบนิเวศในการเรียนรู้ (Learning Ecosystem)
ผ่านการ Integrate Platform การเรียนรู้
ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน
|
ผลการดำเนินงานด้านการพัฒนาศักยภาพบุคลากรปี 2567 | ||
|---|---|---|
ทุนทางองค์ความรู้ | • ผลการประเมินระดับการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้จากพนักงาน อยู่ที่ร้อยละ 86 (ระดับที่ 5: Optimized(1)) โดยแบบประเมินพัฒนามาจาก Best Practice ทั้งในประเทศและระดับสากล ร่วมกับที่ปรึกษาจากภายนอก. • 63 ไอเดีย จากโครงการส่งเสริม Innovation Culture และมีไอเดียที่นำมาปฏิบัติให้เกิดขึ้นจริงมีผลประโยชน์ที่เป็นไปได้โดยรวม (Potential Benefit) มูลค่ามากถึง 108 ล้านบาทต่อปี • 188 หลักสูตรออนไลน์ที่สร้างสรรค์ด้วยความสามารถของพนักงาน | |
ทุนทางทรัพยากรมนุษย์ | • ประสิทธิภาพบุคลากร (Human Capital Index: HCI) ขององค์กรอยู่ที่ 85 คะแนน • 1,623 องค์ความรู้ที่เกิดจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของพนักงาน จากโครงการ Knowledge Management (KM) โดยผลประโยชน์ที่บริษัทฯ ได้รับจากการนำองค์ความรู้มาพัฒนาต่อยอดเป็นจำนวน 617 ล้านบาท • ศักยภาพของพนักงานมีความพร้อมอยู่ที่ร้อยละ 94 โดยประเมินศักยภาพมาจากสมรรถนะหลักของพนักงาน • ชั่วโมงการพัฒนาพนักงานเฉลี่ยต่อคนต่อปี 361 ชั่วโมงต่อ FTE(2) • ค่าใช้จ่ายการพัฒนาพนักงาน 369,865 บาทต่อ FTE(2) | |
หมายเหตุ:
(1) ระดับ Optimized หมายถึง บริษัทมีการเรียนรู้เป็นแกนหลักของกลยุทธ์และวัฒนธรรมของบริษัท โดยมีการดำเนินการในทุกมิติที่เกี่ยวกับการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี
(2) FTE หรือ Full Time Equivalent หมายถึง จำนวนชั่วโมงการทำงานของพนักงานเต็มเวลาต่อคนต่อปี
ด้านประสบการณ์ที่ดีในการทำงาน (People Way of Work)
กลุ่มไทยออยล์ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตและสุขภาวะความเป็นอยู่ของพนักงานทุกคนเพราะเชื่อว่า พนักงานเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนธุรกิจขององค์กร โดยจัดให้มีโครงการและกิจกรรมต่างๆ ทั้งในระดับองค์กรและระดับฝ่ายงานตลอดทั้งปีอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมความสุขและความผูกพันของพนักงานภายใต้กรอบแนวคิด PEOPLE Model ในการตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของพนักงานในแต่ละมิติ ซึ่งจะนำไปสู่ความสุขที่ยั่งยืนของพนักงานกลุ่มไทยออยล์
บริษัทฯ จัดให้มีการสำรวจความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กรเป็นประจำทุกปี รวมทั้งเปิดโอกาสให้พนักงานได้แสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะผ่านกิจกรรมต่างๆ อาทิ กิจกรรมระหว่างผู้บริหารและพนักงาน กิจกรรมสันทนาการของบริษัทฯ และกิจกรรมระหว่างพนักงานด้วยกัน เพื่อนำข้อคิดเห็นที่ได้รับมาพิจารณาในการยกระดับประสบการณ์ที่ดีให้กับพนักงานอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ กลุ่มไทยออยล์ยังยกระดับให้มีการสื่อสาร เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันในทุกระดับ ทั้งในระดับผู้บริหาร หัวหน้างาน พนักงาน ตลอดจนการสื่อสารระหว่างหัวหน้างานและพนักงานในทีม รวมถึงส่งเสริมให้หัวหน้างานมีความรู้ความเข้าใจในระบบการบริหารผลการปฏิบัติงาน และระบบการบริหารสายอาชีพให้มากขึ้น เพื่อให้การสื่อสารเป็นไปอย่างถูกต้อง โปร่งใส และเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งองค์กร
ผลการดำเนินงานด้านการเสริมสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับบุคลากร ปี 2567
ตัวชี้วัด | หน่วย | 2564 | 2565 | 2566 | 2567 | เป้าหมายปี 2567 | |
|---|---|---|---|---|---|---|---|
ทุนทางทรัพยากรมนุษย์ | อัตราของพนักงานที่ได้รับการประเมินผลงาน | ร้อยละ | 100 | 100 | 100 | 100 | 100 |
ค่าความผูกพันของพนักงานต่อองค์กร | ร้อยละ | 94 | 89 | 92 | 98 | 94 | |
ค่าความพึงพอใจของพนักงานต่อองค์กร | ร้อยละ | 94 | 95 | 94 | 98 | 96 | |
อัตราการลาออกโดยสมัครใจของพนักงาน | ร้อยละ | 1.17 | 2.81 | 2.01 | 1.17 | 3.5 |
โครงการที่โดดเด่น
SMILE Activity
โครงการพัฒนาพนักงาน : Ideation Capability Building for Facilitators (Innovation)
โครงการพัฒนาพนักงาน : Business Explorer Development for Growth
โครงการพัฒนาพนักงาน : The Power of Data and Visualization Expert Development Enhancement